วันที่  ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ สหภาพรถไฟฯ ทำกิจกรรมน้อมสืบสานพระราชปณิธานแห่งพระปิยะมหาราช ปกป้องการรถไฟฯ คัดต้าน พ.ร.บ.การขนส่งทางราง…. ณ บริเวณ จุด ตอกหมุด ตรึงราง ( 26 มีนาคม 2439) และสหภาพฯได้ประกาศเจตนารมย์โดยนายสราวุธ  สราญวงศ์ ประธาน สร.รฟท. ดังนี้

ประกาศสืบทอดพระราชปณิธาน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕

พระปิยมหาราช

พระบิดาผู้ทรงสถาปนากิจการรถไฟไทย

              พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระปิยมหาราช “ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการคมนาคมโดยเส้นทางรถไฟ เพราะการใช้แต่ทางเกวียนและแม่น้ำลำคลองเป็นพื้นนั้น ไม่เพียงพอแก่การบำรุงรักษาพระราชอาณาเขต ราษฎรที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมีจิตใจโน้มเอียงไปทางประเทศใกล้เคียง สมควรที่จะสร้างทางรถไฟขึ้นในประเทศเพื่อติดต่อกับมณฑลชายแดนก่อนอื่น ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การปกครอง ตรวจตราป้องกันการรุกรานเป็นการเปิดภูมิประเทศให้ประชาชนพลเมืองเข้าบุกเบิกพื้นที่รกร้างว่างเปล่าให้เป็นประโยชน์ทางเศรษกิจของประเทศ และจะเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสาร และสินค้าไปมาถึงกันได้ง่ายยิ่งขึ้น” ด้วยพระราชปณิธาน และสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ ทรงมีพระบรมราชโองการสร้างทางรถไฟสยาม ตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึง เมืองนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๓ ก่อตั้ง “กรมรถไฟ”สังกัดกระทรวงโยธาธิการ โดยเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๔ ได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์ เริ่มการสร้างทางรถไฟ ณ บริเวณย่านสถานีกรุงเทพ ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ การก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา และเปิดการเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพระราชพิธีเปิดการเดินรถไฟระหว่าง สถานีกรุงเทพ – อยุธยา ระยะทาง ๗๑ กิโลเมตร นับเป็นทางรถไฟสายแรก และสถานที่แห่งนี้คืออนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง ซึ่งการรถไฟฯได้สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกเหตุการณ์สำคัญที่ก่อคุณูปการต่อระบบคมนาคม และกิจการรถไฟ ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ “ระบบการขนส่งทางราง” ถือเป็นระบบการขนส่งที่มีคุณูปการต่อการพัฒนาโลก พัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จากการใช้พลังงานจากฟอสซิลกันอย่างมหาศาลจนก่อให้เกิดมลภาวะ สภาวะอากาศเป็นพิษส่งผลต่อระบบนิเวศน์ของโลก เกิดภาวะโลกร้อนสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจนยากที่มนุษย์จะรับมือ ในที่สุดทั้งโลกก็เริ่มตระหนักว่าต้องกลับไปสนับสนุน “ระบบการขนส่งทางราง” ที่ถือว่า ประหยัดพลังงาน ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลทุ่มงบประมาณในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางโดยเฉพาะกิจการรถไฟ ได้มีการปรับปรุงทางของการรถไฟฯ และมีโครงการสร้างทางรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ พร้อมกับโครงการสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครมีการสร้างระบบขนส่งมวลชนด้วยระบบรางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่แออัด รวมทั้งเมืองใหญ่ที่กำลังมีแนวคิดที่จะสร้างระบบการขนส่งมวลชนด้วยระบบราง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง“กรมการขนส่งทางราง” ขึ้นในเดือนเมษายน ๒๕๖๒ เพื่อเป็นหน่วยงานกลางของระบบขนส่งทางรางทำหน้าที่ “กำกับดูแลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย มาตรฐานการประกอบกิจการ และมาตรฐานในการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ” ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครขัดข้องและขัดขวางเพราะเจตนารมณ์เพียงเพื่อทำหน้าที่“กำกับดูแล ส่งเสริมสนับสนุน”เท่านั้น เมื่อคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ “ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ….” เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ และนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบให้รับหลักการด้วยความเร่งรีบ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมาทั้งที่ยังมีประเด็นความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้เสียที่ให้ความเห็นถึงผลกระทบต่อประโยชน์ต่อสังคม และประชาชน เนื่องจากเนื้อหาภายในของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่แค่การกำกับดูแลเท่านั้น จากการติดตามวิเคราะห์ พบว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้ “กลายพันธ์”จากการกำกับดูแล เป็นการเข้ามาบริหารจัดการควบคู่ไปด้วย โดยในบางมาตราเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุน นำทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับระบบการขนส่งทางรางไปออกใบอนุญาต เปิดสัมปทานเส้นทางให้เอกชนเข้ามาเดินรถในเส้นทางเดิมของการรถไฟฯได้ด้วย เท่ากับว่า “เป็นการแปรรูปกิจการขนส่งทางรางของรัฐไปให้เอกชน” จึงเป็นเหตุผลที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) และ สมาพันธ์คนงานรถไฟ (สพ.รฟ.) ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากบทบัญญัติสาระสำคัญไม่เป็นไปตามหลักการและเหตุผล และนำไปสู่ขบวนการเอื้อประโยชน์นำทรัพย์สินของประเทศชาติ และประชาชนไปประเคนให้นายทุน

               ในโอกาสวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันสวรรณคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสร้างคุณูปการต่อระบบคมนาคม และกิจการรถไฟ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิก ครอบครัวคนรถไฟ ในนามสมาพันธ์คนงานรถไฟ พร้อมด้วยประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน ขอประกาศเจตนารมณ์คัดค้าน และจะกระทำทุกวิถีทางในการหยุด “ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ…..” เพื่อสืบทอดพระราชปณิธานขององค์สมเด็จพระปิยมหาราช และปกป้องรักษากิจการรถไฟแห่งประเทศไทยไว้ ให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานของรัฐในการให้บริการขนส่งสาธารณูปโภค เพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชน ชั่วลูกหลานสืบต่อไป

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.)

๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗

ดาวน์โหลดคำประกาศสืบทอดพระราชปณิธานฯได้ที่นี่

By admin