สรุปผลการประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗
เรื่องติดตาม
๑. การพิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ความคืบหน้า มีการประชุมร่วมกันของคณะทำงานในประเด็นของข้อบังคับฯและระเบียบฯในส่วนของการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการของร่างข้อบังคับฯและระเบียบฯที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีประเด็นในการรอเรื่องตอบหารือจากกรมบัญชีกลาง ประเด็นลูกจ้างเฉพาะงานเกี่ยวกับการเป็น “เจ้าหน้าที่”ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ๒๕๓๙ โดยให้การรถไฟฯติดตามเรื่องความเห็นของกรมบัญชีกลางเพื่อให้ยืนยันถึงสถานะของลูกจ้างเฉพาะงาน และในส่วนประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติของค่าเสียหายที่ตามร่างระเบียบฯ ได้มีกำหนดให้มีการลดสัดส่วนของค่าเสียหาย นั้น จะมีการนัดประชุมคณะทำงานกันอีกครั้ง ระหว่างรอหนังสือยืนยันตอบกลับมาจากกรมบัญชีกลางเรื่องสถานะของลูกจ้าง
๒. เรื่องการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนของลูกจ้างเฉพาะงาน ตามข้อตกลงสภาพการจ้าง (การจัดทำบัญชีอัตราค่าจ้างของลูกจ้างเฉพาะงานการรถไฟฯ)
ความคืบหน้า คณะทำงานตามมติที่ประชุม (ผู้แทน บค.และ สร.รฟท.) ได้ประชุมร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นควรเสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างของลูกจ้างเฉพาะงาน (ทุกกลุ่มตำแหน่งงาน) โดยเสนอปรับในอัตราร้อยละ ๔ ของค่าจ้างรายวัน ในทุกรอบการต่อสัญญาจ้าง (สัญญาต่อเนื่อง) และมีผลการประเมินเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่การรถไฟฯกำหนด ทั้งนี้ การปรับอัตราค่าจ้างรายวันเมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินอัตราขั้นสูงของพนักงานการรถไฟฯระดับ ๑ (๓๗,๕๐๐ บาท) และมอบหมายให้คณะทำงานกำหนดแนวทางหลักเกณฑ์เงื่อนไข ในการประเมินผลการปฏิบัติงานให้ชัดเจนให้เป็นมาตราฐานเช่นเดียวกับพนักงาน และนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ พิจารณาครั้งต่อไป
๓.เรื่องการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอัตราพนักงาน ของการรถไฟฯ เพื่อรองรับโครงการรถไฟทางคู่ที่กำลังจะแล้วเสร็จ และมีการเปิดเดินรถในอนาคต
ความคืบหน้า จากที่การรถไฟฯได้มีคำสั่งเฉพาะที่ ก.๗๙๔/๒๕๖๖ เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพนักงาน ซึ่งคณะทำงานได้มีการประชุมหารืออยู่หลายครั้ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ทบทวน ปรับปรุง โครงสร้างองค์กรและอัตรากำลัง ซึ่งที่ประชุมได้มอบให้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องไปทำข้อมูลสรุปความต้องการ จำนวนพนักงาน ผลกระทบที่เกิดขึ้น หากไม่ได้รับอัตรากำลังมาเพิ่ม เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการขอยกเลิกหรือยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ต่อไป โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลแจ้งว่าทางจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ นี้
เรื่องพิจารณา
๑. เรื่องการแก้ไขข้อบังคับที่ ๔.๓ ว่าด้วยวิทยฐานะและอัตราเงินเดือนสำหรับบรรจุบุคคลใหม่เข้าเป็นพนักงานของการรถไฟฯ ให้สอดคล้องกับอัตราการปรับค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานที่บรรจุใหม่ตามวุฒิการศึกษา
สร.รฟท.ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาการแก้ไขข้อบังคับการรถไฟฯฉบับที่ ๔.๓ ว่าด้วยวิทยฐานะและอัตราเงินเดือนสำหรับบรรจุบุคคลใหม่เข้าเป็นพนักงานของการรถไฟฯ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างฯได้ประกาศ โดยที่ผ่านมาในหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับสำหรับพนักงานที่บรรจุใหม่ตามคุณวุฒิการศึกษาตามข้อบังคับการรถไฟฯฉบับที่ ๔.๓ พนักงานระดับ ๑ – ๕ ยังมีอัตราเงินเดือนแรกเข้าต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างที่ปรับเพิ่มในปัจจุบัน
มติที่ประชุม เห็นชอบในหลักในการแก้ไขข้อบังคับการรถไฟฯฉบับที่ ๔.๓ ว่าด้วยวิทยฐานะและอัตราเงินเดือนสำหรับบรรจุบุคคลใหม่เข้าเป็นพนักงานของการรถไฟฯ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างฯได้ประกาศ และให้ตั้งคณะทำงานซึ่งมีรองผู้ว่าการฯ (นายสุชีพฯ) เป็นประธาน โดยมีผู้แทนฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้แทน สร.รฟท.และผู้แทนฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยมอบให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลดำเนินการเสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานต่อไป
๒. แนวทางการปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานและลูกจ้างการรถไฟฯให้สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ และระเบียบกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง
สร.รฟท.ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาแนวทางสำหรับการปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงาน และลูกจ้างการรถไฟฯ เพื่อให้สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ ที่มีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเบี้ยหวัดบำนาญ โดยมีการปรับค่าครองชีพชั่วคราวสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและ เจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิมเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ ๑๓,๒๘๕ บาท เป็น เงินเดือนไม่ถึง ๑๔,๖๐๐ บาท และปรับเพดานขั้นต่ำของเงินเดือนรวมกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว จากเดิม ๑๐,๐๐๐ บาท เป็น ๑๑,๐๐๐ บาท
มติที่ประชุม เห็นชอบในหลักการ สำหรับการปรับเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานและลูกจ้างการรถไฟฯให้สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ และเห็นควรแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลเตรียมไว้ เมื่อมีการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ฉบับใหม่ และเสนอคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ในคราวประชุมครั้งถัดไป
๓. การกำหนดระเบียบและประเภทบัญชีค่าใช้จ่ายในการทำขบวนรถบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ผ่านระบบเอกซเรย์ตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง
สร.รฟท.ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาในกรณีการจัดหาประเภทบัญชี เพื่อใช้ในการเบิกค่าใช้จ่ายของผู้ปฏิบัติงานที่ทำขบวนรถบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ผ่านระบบเอกซเรย์ตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดย เพื่อให้วิธีปฏิบัติในการเบิกค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับข้อบังคับและระเบียบของการรถไฟฯ จึงเสนอหารือที่ประชุมพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินการ
มติที่ประชุม เห็นชอบในหลักการในแนวทางการจัดหาประเภทบัญชีค่าใช้จ่าย โดยให้มีการตั้งคณะทำงานที่จะมาช่วยตรวจสอบระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเข้าเงื่อนไขในส่วนของค่าตอบแทน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ๒๕๔๓ มาตรา ๑๓ (๒) ซึ่งก็อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการรถไฟ (บอร์ด) ที่จะดำเนินการได้
เรื่องอื่นๆ
สร.รฟท.ได้เสนอให้การรถไฟฯมีการติดตามปัญหา กรณีการปฏิเสธเรื่องใบส่งตัวต้นสังกัดในการเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเคยมีการแก้ไขปัญหาที่ โรงพยาบาล มอ. หาดใหญ่ และล่าสุดก็เกิดปัญหาเดียวกันที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ที่โรงพยาบาลปฏิเสธการรับหนังสือต้นสังกัด และให้มีการชำระค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินสดเนื่องจากการรถไฟฯ ค้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล กับทางโรงพยาบาล
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (บค.) ชี้แจงว่า ได้มีการทำหนังสือชี้แจงไปที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ เกิดจากปัญหาการประสานงานภายในของการรถไฟฯ และการรถไฟฯได้ขอความอนุเคราะห์ ไปยังโรงพยาบาล ขอให้รับผู้ป่วยที่ถือใบส่งตัวจากต้นสังกัด เข้ารับการรักษาก่อน และจะเร่งดำเนินการชำระหนี้ที่ค้างอยู่กับทางโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน ระหว่างนี้รอทางโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ มีหนังสือตอบกลับมา และที่ประชุมให้มีการตั้งคณะทำงานโดยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะได้นัดโรงพยาบาลบุรฉัตร ฝ่ายต่างๆในด้านปฏิบัติการ และ สร.รฟท. มาประชุมเพื่อวางแนวทางประสานงานเบื้องต้นกับทางโรงพยาบาลต่างๆ จนกว่าเรื่องของระบบการเบิกจ่ายตรง สปสช.จะประกาศใช้ เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับพนักงานที่ต้องไปใช้บริการกับทางโรงพยาบาลต่างๆ
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย
๒๙ เมษายน ๒๕๖๗
รายงานข่าวโดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ สร.รฟท.